วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วันรัฐธรรมนูญ



          วันรัฐธรรมนูญ



               วันรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 
ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวรเพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศ
ให้แก่ประชาชนชาวไทย
                การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นับว่ามีความสำคัญ
เป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย  เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
               1. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์
ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย
               2. หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก  ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย 
พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ
               3. อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
               4. รัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน จากราษฎร
 

               จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไป
จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยการปฏิวัติ  มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร 
ซึ่งประกอบด้วยพันเอกพระยาพหลพยุหเสนา  พันเอกพระยาทรงสุรเดช และพันเอกพระฤทธิอาคเนย์ 
เป็นผู้บริหารประเทศ



                วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว  เรียกว่า 
พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว  สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ได้แก่  การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคลคณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ
              1. พระมหากษัตริย์
              2. สภาผู้แทนราษฎร
              3. คณะกรรมการราษฎร
              4. ศาล 



               ลักษณะการปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่า
พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ  เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฎิบัติราชการต่างๆจะต้องมีกรรมการราษฎรผู้หนึ่งเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ 
โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎร  จึงจะใช้ได้สถาบันที่เกิดใหม่ คือ สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติ ออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้ว จึงจะมีผลบังคับได้  เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบัน
ที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือง  ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้ว 
พิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม

                กระทั่งถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร  ซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิ  ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองแบบรัฐสภา  ทั้งนี้เนื่องจาก รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2475
ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์  ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เป็นผู้ใช้อำนาจ
ทางคณะรัฐมนตรี  ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริการราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทนรัฐสภา  
ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น  แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรี
ในการบริหารแผ่นดินด้วย  แต่อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้  หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสีย
ผลประโยชน์สำคัญของรัฐ  ซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎร
เลือกตั้งใหม่  ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะ
อันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

                 อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่  พ.ศ. 2475 มาจนถึงปัจจุบันรัฐธรรมนูญไทยมีทั้งสิ้น 20 ฉบับ  แต่ถ้านับเฉพาะฉบับที่สำคัญจะมีเพียง 13 ฉบับเท่านั้น



ที่มา  http://haab.catholic.or.th/photo/king/tomanoon/tomanoon.html



  
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น